สะสมเนื้อกระดูกช่วงวัยรุ่น ป้องกันกระดูกพรุนตอนแก่



 ป้องกันโรคกระดูกพรุน

สะสมเนื้อกระดูกช่วงวัยรุ่น ป้องกันกระดูกพรุนตอนแก่

สะสมเนื้อกระดูกให้มากที่สุดในช่วงวัยรุ่น เหตุมวลกระดูกค่อย ๆ หายไปเมื่ออายุมากขึ้น เสี่ยงโรคกระดูกพรุน แนะกินอาหารแคลเซียมสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยป้องกันได้



กระดูกเป็นเนื้อเยื่อพิเศษ มีหน้าที่เป็นโครงสร้างสำหรับเป็นที่เกาะของกล้ามเนื้อและเอ็นยึดต่าง ๆ เป็นเกราะป้องกันการกระทบกระแทกเป็นแกนสำหรับการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการดึงหรือหดตัวของกล้ามเนื้อเป็นแหล่งสังเคราะห์เซลล์เม็ดเลือดชนิดต่าง ๆ รวมทั้งเป็นคลังของเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกาย คือ แคลเซียม 



โรคกระดูกพรุน คือ ภาวะที่เนื้อเยื่อกระดูกผุกร่อนไปจากปกติโครงกระดูกซึ่งเคยแข็งแกร่งจะเปลี่ยนเป็นโครงที่ผุกร่อนพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ โดยมีสาเหตุมาจากกระบวนการเสริมสร้างกระดูกลดลงและเนื้อเยื่อเสื่อมสลายในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป


“ตามปกติเพศหญิงจะมีมวล
กระดูกน้อยกว่าเพศชาย เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนเพศหญิง จึงมีอัตราการสูญเสียมากกว่าการสร้างกระดูก จึงทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน สำหรับอาการของโรคกระดูกพรุนมักจะไม่แสดงอาการเตือนภัยใด ๆ อาจมีแค่ปวดเมื่อย คนทั่วไปมักไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคกระดูกพรุนจนกว่าเข้าจะรับการรักษากระดูกจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย หรือมีอาการปวดหลัง หลังโก่งค่อมหรือโค้งงอ ตัวเตี้ยจากการยุบตัวลงของกระดูกสันหลัง”



แนวทางการป้องกันโรคกระดูกพรุน คือ การสะสมเนื้อกระดูกให้มากที่สุดในช่วงวัยรุ่น พยายามรักษาปริมาณเนื้อกระดูกให้คงเดิมมากที่สุดในวัยก่อนหมดประจำเดือน และชะลอการถดถอยของเนื้อกระดูก เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดกระดูกหักในวัยหลังหมดประจำเดือน โดยเฉพาะตำแหน่งที่อาจเกิดขึ้นบ่อย ได้แก่ กระดูกข้อสะโพก กระดูกสันหลัง และกระดูกข้อมือ


นอกจากนี้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ คือ 800 - 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน และควรกินแคลเซียมหลังอาหารเพื่อสร้างความแข็งแรงให้
กระดูกและฟัน เช่น นม เนยแข็ง ผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อยพร้อมกระดูก กุ้งแห้ง กุ้งฝอย ถั่วแดง งาดำ อาหารทะเล ผักใบเขียวทุกชนิด ดื่มน้ำที่มีสารฟลูออไรด์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มสุรา ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรเพิ่มการดูดซึมสารแคลเซียมโดยการเพิ่มวิตามินดีในรูปของอาหารหรือยา อาหารวิตามินดีสูง ได้แก่ นม น้ำมันตับปลา เนยแข็ง เนย ไข่ และตับ เป็นต้น นอกจากนี้ การได้รับแสงแดดจะสามารถช่วยเพิ่มการสังเคราะห์วิตามินดี ทางผิวหนังได้อีกด้วย






ไม่มีความคิดเห็น: